วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557

บันทึกอนุทินประจำวันที่ 4 ธนวาคม พ.ศ.2557

กิจกรรม

สอบร้องเพลง สำหรับเด็กปฐมวัย 


( นางสาวปาริฉัตร ภู่เงิน)



          ให้รางวัลเด็กดีสำหรับเพื่อนที่มีดวงดาวเยอะที่สุดในห้อง คนที่ได้มีทั้งหมด 8 คน และรางวัลพิเศษที่เพื่อนโหวตให้ คือ ปาริฉัตร เพราะคอยสร้างเสียงหัวเราะ ให้กับเพื่อนๆ และอาจารย์




ความรู้สึกของสัปดาห์สุดท้ายของการเรียน
        
         เพื่อนๆทุกคนต่างกังวล และตื่นเต้นกับการสอบร้องเพลงในวันนี้มาก กลัวร้องไม่ได้ กลัวร้องเพี้ยน บรรยากาศในห้องวันนี้ ครื้นเคลงมากๆ สนุกสนาน มีเสียงหัวเราะ และประทับใจที่เพื่อน ช่วยกันร้องเพลงคลอตามเป็นจังหวะ เวลาที่มีเพื่อนออกไปสอบร้องเพลงหน้าชั้น ช่วยกันปรบมือ มีคงามสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของอาจาร์ แรกๆก็กลัวอาจายร์จะโกธร เพราะนักศึกษาในห้องเสียงดัง อาจารย์ต้องคอย จุ้จุ้ ไว้  และสิ่งสำคัญเราเป็นครูปฐมวัย ต้องกล้าแสดงออก 






บันทึกอนุทินประจำวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ.2557

กิจกรรม

การจัดสภาพแวดส้อมเพื่อส่งเสริมประสบการณ์ทางภาษา




หลักการจัด ( หรรษา  นิลวิเชียร, 2535)

        1.สอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ของเด็ก เปิดโอกาสให้เด็กได้เป็นอิสระ ได้กระทำด้วยตนเอง
        2.ต้องส่งเสริมให้เด็กให้มีการปฏิสัมพันกับบุคคลรอบข้าง
        3.เน้นความหมายมากกว่ารูปแบบ ยอมรับการสื่อสารของเด็ก โดยคำนึงถึงความหมายที่เด็กต้องการสื่อสารมากกว่าความถูกต้องของไวยากรณ์

ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย

        1.การแสดงความรู้สึกด้วยคำพูด  ครูควรถามเก่ง ใช้คำถามเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน  เพื่อให้เด็กได้ตอบ  ใช้คำถามที่เป็นปลายเปิด เพื่อให้เด็กได้ฝึกพูดเยอๆ
        2.การสื่อสารกับผู้อื่น เป็นการทรอดแทรกให้เด็กได้ฝึกพูด ฝึกใช้ภาษา  เช่น   เล่าประสบการณ์ของตนเอง ( ประสบการณ์เดิม ) หรือ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตนเอง
        3.เด็กได้มีโอกาสฟังและ มีความเข้าใจ เช่น คุณครูเล่านิทานให้ฟัง 
        4.การเขียนในหลายรูปแบบผ่านประสบการณที่สื่อความหมายต่อเด็ก เช่น เขียนภาพ เขียนคล้ายตัวอักษร และ เขียนชื่อตนเอง
        5.การอ่านในหลายรูปแบบผ่านประสบการณ์ที่สื่อความหมายต่อเด็ก เช่น อ่านภาพ อ่านสัญลักษณ์

การประเมิน

        1.ใช้เครื่องมือในการประเมินที่หลากหลาย เช่น ประเมินจากผลงานเด็ก, 
           การสังเกต (เป็นวิธีที่ดี  ที่สุด)
        2.เน้นที่ความก้าวหน้าของเด็ก เช่น บันทึกในสิ่งที่เด็กทำได้ 
        3.การประเมินจากบริบทที่หลากหลาย 
        4.ให้เด็กได้มีโอกาสประเมินตนเอง เช่น คุณครูถามเด็กว่า คิดว่าภาพของตนเองสวยไหม 
        5.คุณครูให้ความสนใจทั้งกระบวนการและผลงาน เช่น ระหว่าที่เด็ก ระบายสีครูเดินดูด้วย
           ว่าเด็กคนนี้ตั้งใจทำหรือเปล่า เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประเมินผลงาน
       6.ประเมินเด็กเป็นรายบุคคล  เรพาะเด็กทุกคนมีความแตกต่างกัน

การนำไปประยุกต์ใช้

      ครูควรให้ความสำคัญกับภาษาของเด็กโดยการยอมรับการสื่อสารการใช้ภาษาของเด็ก  ไม่ตำหนิ ดุด่า หรือบังคับให้เด็กพูดหรือเขียนภาษาที่เด็กไม่ถนัด  ที่สำคัญ การจัดห้องเรียนที่เอื้อเฟื้อต่อการเรียนรู้ภาษาของเด็ก ควรมีอุปกรณ์ ที่ส่งเสริมการเรียนรูภาเช่น หนังสือนิทานสำหรับเด็กปฐมวัย เด็กที่ได้อยู่ในห้องที่มีหนังสือวรรณกรรมสำหรับเด็กปฐมวัย จะมีแนวโน้มที่จะรักการอ่าน

คำคล้องจองสำหรับเด็กปฐมวัย

อะไรเอ่ย
 มีปีกบินได้ 
พุ่งไปบนฟ้า
 ไม่ใช่นกกา
 หน้าตาแปลกๆ
.
.
(เครื่องบิน)



วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

บันทึกอนุทินวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

กิจกรรม

ให้นักศึกษาทำนิทาน มันคืออะไร ที่สัปดาห์ที่แล้วอาจารย์ได้มอบหมายให้ป็นกลุ่ม



อาจารย์แนะนำวิธีการทำนิทานและเทคนิคการทำก่อนให้นักศึกษาลงมือปฏิบัติ



นักศึกษาลงมือปฏิบัติ กลุ่มดิฉันทำเรื่อง "ฉันคืออะไร" โดยตัวละครจะป็นคนเล่าเอง

นิทานแบบนี้ป็นนิทานที่ส่งเสริ่มให้เด็กป็นคน สงสัย ช่างสังเกต จินตนาการ และนึกตาม ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากๆเนื้อหาชวนน่าสงสัยเท่าไรยิ่งดี


บันทึกอนุทินวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ.2557

กิจกรรม
งานสัมมนาการศึกษาปฐมวัย
เรื่อง
โลกแห่งนิทานสร้างสรรค์ปฐมวัย
ณ ห้องประชุม ชั้น 8 อาคารจันทรากาญจนาภิเษก


นักศึกษาซ้อมการแสดงเพื่อความพร้อม



เตรียมตัวทำการแสดงที่ละกลุ่ม

ประสบการณ์ที่ได้
       
ได้ร่วมงานกับรุ่นพี่ชั้นปีที่ 4 รู้สึกภูมิใจมาก และได้ฝึกความกล้าแสดงออกที่ ครูปฐมวยต้องมี 
และในกลุ่มต่างๆก็จะได้หัวข้อที่แต่งต่างกัน เช่น กลุ่มดิฉัน ได้หัวข้อ นิทานบทบาทสมมติ จะต้องแสดงนิทาน จะมีอุปกรญ์ให้ การเเสดงบทบาทสมมติ ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ก็ได้เพียงแค่เราทำท่าทาง แสดงอาการ คำพูดให้เหมือนตัวละครในเรื่อง ใหเคนดูเชื่อว่าเราป็นตัวละครนั้นจริงๆ



บันทึกอนุทินประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ 2557


กิจกรรม

1.สอบร้องพลงที่เคยแจกให้คนละเพลง

2.วิธีนั่งเมื่อเราต้องสอนเด็กๆร้องพลง


         วิธที่นั่งที่ถูกต้อง เริ่มแรกให้เด็กๆ นั่งเป็นตัวยูก่อน ( U ) เเล้วคุณครูนั่งข้างหน้าโดย นั่งทำมุมประมาน 45 องศา ดังรูป ไม่นั่งเสมอกับชาปเพลง หรือ นั่งข้างหน้าชาปเพลง เราะจะบงเด็กๆ ึงค่อยสอนเด็กๆร้องโดย
 1. คุณครูอ่านให้ฟัง 1 รอบ
 2. คุณครูอ่านก่อน ให้ด็กๆ อ่านตาม
 3. ครูและด็กๆอ่านไปพร้อมๆกัน 
 4. อ่านเป็นจังหวะและทำนองพร้อมๆกัน 


สอบร้องเพลง ( งานกลุ่ม )


เพลง ลูกสัตว์

ลูกเป็ดมันร้อง ก๊าบ ก๊าบ
ลูกไก่มันร้อง เจี๊ยบ เจี๊ยบ
ลูกหมา เห่า บ๊อก บ๊อก บ๊อก
ลูกแมวก็ร้อง เมียว เมียว
ลูกหมูมันร้อง อู๊ด อู๊ด
ลูกกบทันร้อง อ๊อบ อ๊อบ
ลูกนกร้อง จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ
ลูกวัวก็ร้อง มอ มอ



3. การเขียนกระดาน ตามคำพูดที่เด็กพูด


          จำไว้ว่า ด็กพูดอะไรต้องเขียนทุกคำ แลำในขณะที่เขียน ต้องพูดคุยกับเด็กพื่อดึงดูดความสนใจเด็กไม่ให้เด็กเบื่อ  คำไหนที่เป็นเรื่องที่รียนให้ เขียนด้วยประกาสีื่นๆ เพื่อเน้นให้เด็กได้เห็นและรู้ และห้ามโน้มตัวบังเด็กๆ ซึ่งในอนาคตเราต้องได้ทำแน่นอน


ผลงานที่นักศึกษาลองฝึกเขียนกระดานครั้งแรกก่อนที่จะต้องสอบเขียน


4. วิธีทำนิทาน เรื่อง มันคืออะไร หรือ ฉันคืออะไร


และมอบงานให้นักศึกษาจับกลุ่มเพื่อกลับไปคิดเนื้อเรื่อง





บันทึกอนุทินวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ 2557


กิจกรรม

สอนเรื่อง "การสอนแบบ Project Apporoach"




     Project Approach คือ วิธีการจัดการเรีนรู้ให้กับเด็กที่ เปิดโอกาศใหเด็กได้เลือกเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจ เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเด็ก โดยเชื่อมโยงความรู้เดิมเข้ากับความรู้ใหม่ ซึ่งมีอยู่ 3 ระยะ ได้เก่

1.ทบทวนความรู้เดิมและความสนในของเด็ก
2.ให้เด็กมีประสบการณ์ใหม่
3.ประเมิน สะท้อนความคิด และแลกเปลี่ยนโคงการ
       
กระบวนการสอนแบบโครงการมี 5 รูปแบบได้แก่
     1.การอภิปรายกลุ่ม    ช่วยให้เด็กแต่ละคนมีโอกาสแลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนทำกับเพื่อน ทำให้เด็กมีโอกาสที่จะอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
       2.การศึกษานอกสถานที่   พาเด็กไปยังสถานที่ใกล้ๆก่อน ประสบการณ์ในระยะแรกครูอาจพาไปทัศนศึกษานอกห้องเรียนเรียนรู้สิ่งก่อสร้างต่างๆที่อยู่รอบบริเวณโรงเรียนจะช่วยให้เด็กเข้าโลกแวดล้อม มีโอกาสพบปะกับบุคคลที่มีความรู้เชี่ยวชาญในหัวเรื่องที่เด็กสนใจ   
       3.การนำเสนอประสบการณ์เดิม   เด็กสามารถที่จะทบทวนประสบการณ์เดิมในหัวเรื่องที่ตนสนใจ  มีการอภิปราย แสดงความคิดเห็นในประสบการณ์ที่เหมือนหรือแตกต่างกับเพื่อน  รวมทั้งแสดงคำถามที่ต้องการสืบค้นในหัวข้อเรื่องนั้นๆ
        4.การสืบค้น  เด็กสามารถสัมภาษณ์พ่อแม่ผู้ปกครองของตนเอง บุคคลในครอบครัว เพื่อนนอกโรงเรียน สามารถหาคำตอบของตนด้วยการศึกษานอกสถานที่ สัมภาษณ์วิทยากรท้องถิ่นที่มีความรอบรู้ในหัวเรื่อง 
        5.การจัดแสดง  การจัดแสดงทำได้หลายรูปแบบ  อาจใช้ฝาผนังหรือป้าย  จัดแสดงงานของเด็กเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนในชั้นทั้งจะเป็นโอกาสให้เด็กและครูได้เล่าเรื่องงานโครงการที่ทำแก่ผู้มาเยี่ยมเยียนโรงเรียนอีกด้วย

ความแตกต่างระหว่างการสอนแบบหน่วยและการสอนแบบครงการ
การสอนแบบหน่วย คือ วิธีการสอนที่นำเนื้อหาวิชามาสอนแบบไม่กำหนดขอบเขตของวิชา แต่ยึดความมุ่งหมายของบทเรียนที่เรียกว่า “หน่วย”  ครูเป็นคนกำหนด ว่านักเรียนจะเรียนเกี่ยวกับอะไรที่เห็นว่าสำคัญๆ โดยบางทีเด็กอาจจะไม่ได้มีโอกาศที่จะเลือก
การสอนแบบโครงการ คือ เปิดโอกาศให้เด็กได้เลือกว่าอยากจะเรีนรู้เกี่ยวกับอะไร ได้สืบค้นข้อมูลเองที่อาจมาจากความรูเดิมและนำมาชื่อมต่อกับความรูใหม่
แบ่งกลุ่มสรุปความเข้าใจว่าการสอนแบบโครงการคืออะไรตามที่นักึกษาเข้าใจ



วิธีสอนแบบโครงการ เป็นวิธีที่ทำให้ด็กเด็กการเรียนรู้มากที่สุด เพราะ ครูกับเด็กมีส่วนร่วมที่จะช่วยกันกำหนดหรือเลือกที่จะเรียนรู้ในสิ่งรอบตัว ในสิ่งที่เด็กๆสนใจ ครูท่านใดที่สอนแบบนี้ได้จะเป็นครูที่เก่งมากๆ


วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557

บันทึกอนุทินประจำวันที่ 16 ตุลาคม พศ 2557

กิจกรรมในห้อง

1 อาจารย์สอนเพลงใหม่อีก 10 เพลง
2 สอนท่าประกอบเพลงเเละเล่นเกมส์
3 จับกลุ่มแต่งนิทาน เรื่อง ทะเลสีฟ้าแสนสวย


ทำท่าประกอบเพลง ลมพัด
ร้องเพลง ทำท่าประกอบเพลง
เล่นเกม ใครจับกลุ่มไม่ทันถูกทำโทษ
ตัวอย่างนิทานที่เด็กๆทำ
จับกลุ่ม ช่วยกันทำนิทาน
นำไปรวมกับเพื่อนกลุ่มอื่นๆ เพื่อให้เป็นเรื่องราว

ความรู้ที่ได้รับและการนำไปปรับใช้

 ภาษาของเด็กไม่ซับซัอน สั้นๆ เข้าใจง่ายเช่นการแต่งนิทาน ในสิ่งที่เด็กเห็นมา เด็กเห็นอย่างไรก็จะพูดอย่างนั้น ครูมีหน้าที่คือ เขียนในสิ่งที่เด็กพูดเท่านั้น ห้ามเติม หรือ เพิ่มคำเข้าไป เมื่อทำเสร็จแล้วครูต้องนำไปติดภายในห้อง ในมุมใดมุมหนึ่งหรือมุม ของหน่วยนั้นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เด็กได้เห็นทุกๆวัน

วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2557

บนทึกอนุทินปรจำวันที่ 2 ตุลาคม พศ. 2557

กิจกรรมในห้องเรียน


           ทำชาปเพลง เราเลือกทำเพลง ลูกสัตว์ อปกรณ์มีดังนี้   
                              
                               1. กรรไกร
                               2. กาว หรือ กาวสองหน้า
                               3. สีเมจิก สีเทียน สีชอร์ค
                                4. รูปภาสัตว์ต่างๆที่มีในเนื้อ

เนื้อเพลง ลูกสัตว์
ลูกเป็ด มันร้อง ก๊าบ ก๊าบ
ลูกไก่ มันร้อง เจี๊ยบ เจี๊ยบ
ลูกหมา เห่า บ๊อก บ๊อก บ๊อก
ลูกแมว ก็ร้อง เมี๊ยว เมียว
ลูกหมู มันร้อง อู้ด อู้ด
ลูกกบ มันร้อง อ๊อบ อ๊อบ
ลูกนก ร้อง จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ
ลูกวัว ก็ร้อง มอ มอ 


อุปกรณ์

เพื่อนในกลุ่มช่วยกันทำ

ชาปเพลงเสร็จแล้วค่ะ

กิจกรรมต่อมาครูสอนวิธี สอนเด็กร้องเพลง


   การนำไปประยุกต์ใช้
เราสามารถทำชาปเพลงเพื่อ สอนเรื่องหน่วยต่างๆ เช่น หน่วยลูกสัตว์ เเละที่สำคัญถ้าเราสอนในหน่วยใด ในเนื้อเพลงควรเน้นคำในหน่วยนั้นให้ชัดเจน เช่น หน่วยลลูกสัตว์

ลูกเป็ด มันร้อง ก๊าบ ก๊าบ
  ลูกไก่  มันร้อง เจี๊ยบ เจี๊ยบ

 หรืออีกวิธีคือ ใช้รูปมาแทนคำได้ เช่น ลูกเป็ดก็นำ รูปภาพเป็ดมาแทนคำว่า ลูกเป็ด เป็นการสอนแบบใช้ภาษาธรรมชาติ เมืเด็กเห็นรูปเเล้วสามารถเข้าใจได้เลย




วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

บันทึกอนุทินวันที่ 25 กันยายน พศ. 2557

กิจกรรมในห้อง


ภาษาธรรมชาติ
        เป็นภาษาแบบองค์รวม เด็กสามารถเรียนี้ได้ตลอดทั้งวันไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปจัดตารางเรัยนเป็นรายวิชา เป็นรานชั่วโมง สอนในสิ่งที่เด็กสนใจ เเต่เราสามารถแอบแทีรกความรู้ลงไปได้ ให้เด็กได้ลงมือกระทำเอง เพราะเด็กจะได้เกิดประสบการณ์และเกิดภาษาไก้เอง อย่าไปเข้มงวดให้เด็กท่องจำ สะกดคำ 


        ครูในแบบของภาษาธรรมชาติ ต้องเป็นครูที่ร่วมทางและพี้ร้อมเรัยนรู้ไปกับเด็ก สร้างความี้สึกเชื่อมั่นให้กับเด็ก ห้ามตำหนิเด็กเด็ดขาดว่าไม่สวย ไม่คาดหวังว่าเด็กจะเขียนได้เหมือนกันทุกคนเพราะเด็กเเต่ละคนมัความเเตกต่างกัน อย่าบังคับให้เด็กเขัียน ที่สำคัญ ครูควรเป็นเเบบอย่างทั่ี่ดัี ทำให้เห็นว่าการอ่าน การเขียนเป็นเรื่องสนุก


เเล้วสรุป ทำเป็นมายเเม็ป เพื่อนๆช่วยกันทำ


ผลงานเสร็จเเล้ว






วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

บันทึกอนุทินวันที่ 18 กัยยายยน พศ. 2557

                   
               วันนี้เป็นสัปดาห์เเรกที่นักศึกษา sec เช้า และ sec  บ่าย มาเรียรร่วมกัน และนำเสนอ Powerpoint ของเเต่ละกลุ่ม  ในหัวข้อที่แต่ละกลุ่มได้


กลุ่ม ฟัง


              การฟังของเด็กเป็นการรับรู้เรื่องราวด้วยประสาทสัมผัสทางหูที่เด็กสะสมและนำไปสร้างเสริมพัฒนาการทางภาษามากกว่าการใช้เพื่อพัฒนาปัญญา เด็กจะเก็บคำพูด จังหวะ เรื่องราว จากสิ่งที่ฟังมาสานต่อเป็นคำศัพท์ เป็นประโยคที่จะถ่ายทอดไปสู่การพูด ถ้าเรื่องราวที่เด็กได้ฟังมีความชัดเจน ง่ายต่อการเข้าใจ เด็กจะได้คำศัพท์และมีความสามารถมากขึ้น พัฒนาการด้านการฟังของเด็กตามวัยเป็นดังนี้
      อายุ ขวบ ชอบฟังคำพูดสั้นๆ จูงใจ ฟังเรื่องสั้นๆ และเพลงกล่อมเด็กวัยนี้ชอบคำซ้ำและเลียนเสียง
       อายุ ขวบ ชอบฟังเสียงต่างๆ เช่น เสียงสัตว์  ยานพาหนะ  เครื่องใช้ในครัวเรือน ชอบฟังนิทาน ฟังอย่างตั้งใจ ชอบทดลองทำเสียงเหมือน เช่น เสียงรถยนต์  รถไฟ 
       อายุ ขวบ  ฟังเรื่องได้นานขึ้น เริ่มตีความหมายเรื่องที่ฟัง เช่น ถามคำถามหรือต่อเรื่องได้ วัยนี้สามารถทำตามคำสั่งง่ายๆได้ ชอบฟังเรื่องซ้ำๆและแยกความแตกต่างของเสียงได้
       อายุ ขวบ  ชอบฟังนิทาน เพลง เล่นภาษา เช่น คำคล้องจอง สามารถเข้าใจคำพูดข้อความยาวๆได้ ความเข้าใจทำให้เด็กวัยนี้พูดเก่งและจำแม่น
       อายุ ขวบ ฟังเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่างๆรอบตัวได้ และเข้าใจ ถ้าไม่ซับซ้อนเกินไป

กลุ่ม พูด


        พัฒนาการด้านการรับรู้เเละการเเสดงออกและการพูด


เดี๋ยวมาลงต่อนะคะ
            



บันทึกอนุทิน วันที่ 11 กันยายน พศ. 2557

กิจกรรมในห้อง

กิจกรรมที่ 1

           อาจารย์ให้นักศึกษาวาดรูปสิ่งที่เรารักมากที่สุด โดยมีข้อแม้ว่า ให้ใช้สีเทียนหรือสีชอร์กเท่านั้น ห้ามใช้ดินร่างผลปรากฎว่าก็ออกมาแบบนี้ค่ะ


เเล้วออกมาพูดเกี่ยวกับสิ่งที่เราเราแบ่งปันเพื่อนๆ 


               หมาตัวนี้ของฉันมันชื่อ แพนด้า เพศเมีย ฉันเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ฉันอยู่ ม.4 เป็นหมาตัวแรกที่ฉันเลี้ยง นิสัยของมัน มันชอบกัด หมอน กัดรองเท้า กัดทุกอย่งที่มันสามารถอ้าปากงับได้ เเต่ทุกคนในครอบครอบรักแพนด้ามาก

กิจกรรมที่ 2 

อาจารย์ให้ใบเพลง มา 10 เพลง และสอนร้อง จะยกตัวอย่างมาให้ 5  เพลงก่อนนะคะ
 

1. เพลง แปรงฟัน
ตื่นเช้าเราแปรงฟัน  กินอาหารแล้วเราแปรงฟัน
ก่อนนอนเราแปรงฟัน  ฟันสะอาดขาวเป็นเงางาม
แปรงฟันที่ถูกวิธี  ดูสิต้องเเปรงขึ้นลง
แปรงฟันที่ถูกวิธี  ดูสิต้องเเปรงขึ้นลง
2. เพลงอาบน้ำ
อาบน้ำซู่ซ่า  ล้างหน้าล้างตา
ฟอกสบู่ถูตัว  ชำระเหงื่อไคล
ราดน้ำให้ทั่ว เสร็จแล้วเช็ดตัว 
อย่าให้ขุ่นมัว สุขกายสบายใจ

3. เพลงล้างมือ
ก่อนกินอาหาร  เราต้องล้างมือ
เล่นมาเปื้อนเปรอะ  เราต้องล้างมือ
กลับจากห้องน้ำ เราต้องล้างมือ
ล้างมือ ล้างมือ ล้างมือให้สะอาดเอย

4.เพลง เมือพบกัน
ฉันและเธอเจอกัน  แทบทุกวันเชียวเออ
เมื่อเจอกันเราทักกัน เพื่อสมานไมตรี
ยิ้มให้เธอที่ไร  สุขหัวใจเปรมปรีดิ์
ที่พูดจาพาที สวัสดีลาก่อน

5. เพลงพี่น้อง
บ้านของฉันอยู่ด้วยกัยมากหลาย
พ่อ แม่ ปู่ ย่า ลุง ป้า ตา ยาย
มีทั้งน้า อา พี่และน้องมากมาย
ทุกคนสุขสบาย เราเป็นพี่น้องกัน


                วันนี้สนุกมากที่ได้กลับมาวาดรูปอีกครั้ง เเละสนุกกับเพลงที่อาจารย์ให้มาและสอนร้อง การที่เราจะไปเป็นครูปฐมวัยที่ดีได้ เราต้องมีเพลงติดตัวไว้ ยิ่งมีมากเท่าไร จะยิ่งดี เพราะเด็กปฐมวัยชอบเสียงเพลง ชอบฟังคำคล้องจอง คำคล้องจอง เพลงจะสามารถใช้เก็บเด็กได้ ดีกว่าเราไปสั่ง ไปบอกให้เงียบ พูดเสียงดัง เสียงดุ จะหำให้เด็กกลัวเเละตกใจ

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

บันทึกอนุทินวันที่ 4 กันยายน พ.ศ 2557


คัดลายมือ พยัญชนะไทย เเบบที่ถูกต้อง


       ไม่ได้คัดลายมือมานานมาก พอได้มาคัดอีกที รู้สึกเกร็งเเละปวดมือมากค่ะ เขียนผิดบ้างบางตัวแก้เเล้วแก้อีก เเต่เราจะเป็นครูอนุบาลได้ก็ต้องเขียนให้ถูก ให้เป็นเเบบอย่างที่ถูกต้องสำหรับเด็ก เเละนี่เป็นเเค่การเริ่มต้นส่วนหนึ่ง เริ่มที่พยัญชนะอักษรไทย


วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

บันทึกอนุทิน วันที่ 28 กันยายน พศ. 2557

กิจกรรมกลุ่ม


        สับดาห์เเรก อาจารย์ให้จับกลุ่มเเละช่วยกันระดมความคิดว่า "ภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย" หมายถึงอะไร และมีรูปแบบใดบ้างที่เรียกว่าเป็นภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย รำเสนอออกมาในรูปเเบบของ Map




                                       ความหมายของภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย  
        ภาษาคือ สื่อกลางในการทำความเข้าใจระหว่างบุคคล สามารถรู้เรื่องกันได้ ด้วยท่าทาง สัญลักษณ์ การพูด การเขียน การแสดงสีหน้า ซึ่งรวมเอาวิธีการทุกอย่าง ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกัน ในการติดต่อกัน ภาษาจึงเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ของมนุษย์ให้มีพัฒนาการด้านต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ให้มีความเป็นอยู่เป็นสังคม เพราะมนุษย์ไม่สามารถอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้ ต้องติดต่อ พึ่งพาอาศัยกัน ซึ่งจะต้องใช้ภาษาเป็นสื่อกลางในการทำความเข้าใจและรู้เรื่องกันได้

        ดวงเดือน ศาสตรภัทร (2549 : 214  215) ภาษามีความสำคัญต่อเด็กปฐมวัย เพราะภาษาเป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ เป็นพฤติกรรมชนิดหนึ่งช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางสังคม เกิดความอบอุ่น เด็กแนวคิดตลอดจนความรู้สึกต่าง ๆ ที่อยู่รอบข้าง เด็กสามารถสร้างจินตนาการในสมองซึ่งก่อให้เกิดการทดลองขึ้น เด็กสามารถสร้างจินตนากรถึงวัตถุนั้นจะอยู่นอกสายตาหรืออยู่ในอดีต เด็กสามารถทำการทดลองให้สมองและทำได้เร็วกว่าการจัดกระทำกับวัตถุนั้นจริง ๆ